EXTREMESOCCER89

ประวัติ เดวิด เบ็คแฮม ’‘มิดฟิลด์เท้าชั่งทอง’’

เดวิด เบ็คแฮม

ประวัติ เดวิด เบ็คแฮม ในวงการลูกหนังโลกหรือวงการฟุตบอลแล้ว คงจะไม่มีแฟนบอลคนไหนไม่รู้จักชายคนนี้ หรือถ้าคุณป็นคนที่ชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ ในยุค 90 ถือเป็นปีทองของเค้า ด้วยความหล่อและเท่ เค้าคนนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก จนถึงทุกวันนี้ความโด่งดังของเค้าก็ไม่ได้ลดลงไป และยังคงเป็นไอดอลของใครหลาย ๆ คนอยู่เสมอ ฉายาของเค้าคือ ‘’เทพบุตรลูกหนัง’’

เบ็คแฮม เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ปี 1975 ในเมือง เลย์ตันสโตน ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เค้าเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางเล็กๆ เบ็คแฮม เติบโตขึ้นพร้อมกับครอบครัวที่อบอุ่นและยังเป็นแฟนบอลตัวยงของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกด้วย

วัยเด็กของเค้า พ่อของเขามักชอบทำลูกบอลที่ทำขึ้นมาจากถุงเท้า เพื่อให้เขาได้ลองเตะ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของนักฟุตบอลซุปเปอร์สตาร์ที่หลายคนต้องรู้จัก เบ็คแฮม ชอบฟุตบอลเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ใครถามถึงอนาคตว่าเขาต้องการเป็นอะไรเมื่อโตขึ้น เขาก็จะตอบคำถามเดิม ๆ อยู่เสมอ ว่า ‘’นักฟุตบอล’’ แม้คุณครูของเขาจะถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็ตอบแบบเดิม เพราะนั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขา ต้องเป็นให้ได้

จุดเริ่มต้นของการเป็นนักฟุตบอลเกิดขึ้น เมื่อ พรสวรรค์ของเขาได้ไปเข้าตาแมวมองของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเข้า และเขาได้ขอให้ เบ็คแฮม ไปเข้าร่วมกับทีมเยาวชนของสโมสร ในวัย 10 ขวบ เขาก็ได้ออกจากบ้านเพื่อมาฝึกซ้อมและเล่นให้กับทีมเยาวชนของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเขาก็ได้เข้าเป็น นักเตะฝึกหัดของทีม ในที่สุด

เดวิด เบ็คแฮม

จนกระทั่งในปี 1994 – 1995 เบ็คแฮม ถูกดันขึ้นชุดใหญ่ โดยผู้จัดการทีมในตอนนั่นคือ เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน ได้ลองนำนักเตะทีมเยาวชนขึ้นมาทดลองเล่น เขากลายเป็นดาวรุ่งคนแรกที่ทำประตูได้ในนัดแรกของฤดูกาล ในนัดที่พบกับ เวสต์แฮม ด้วยการชนะไป 3-1 และหลังจากนั้นเขาก็ได้เป็นผู้เล่นตัวจริงถาวร ตั้งแต่นั้นมา

ชื่อเสียงของ เบ็คแฮม เริ่มดังมากขึ้น ในเดือนสิงหาคม ปี 1996 เหตุการณ์ที่เขากลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก เกิดขึ้นเมื่อ เขาทำประตูจากการยิงไกลเกือบครึ่งสนาม ในเกมที่พบกับ วิมเบอดัน และต่อมาในปีเดียวกัน เมื่อเดือนกันยายน เขาก็ได้ถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก และยังได้รับรางวัล นักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำเดือน สิงหาคม ปี 1996 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แถมด้วยตำแหน่งนักฟุตบอล ดาวรุ่งยอดเยี่ยม ของ PFA ในปี 1996 – 1997 อีกด้วย

เดวิด เบ็คแฮม

ฟุตบอลโลก ในปี 1998 เบ็คแฮม ถูกผู้จัดการทีมชาติอังกฤษในตอนนั่น คือ เกล็น ฮ็อดเดิ้ล ได้วิจารณ์ ว่าเขาไม่มีสมาธิกับฟุตบอล ทำให้เขาไม่ได้ลงเล่นใน 2 นัดแรก แต่เขาได้กับมาลงสนามพร้อมกับทำประตูในเกมที่ ทีมชาติอังกฤษ ชนะ โคลัมเบีย ไป 2-0

นัดที่เป็นที่จดจำของเบ็คแฮมและแฟนบอลอังกฤษ เกิดขึ้นในรอบสอง ในเกมที่ทีมชาติอังกฤษพบกับทีมชาติอาเจนติน่า ซึ่งเบ็คแฮมได้ไปเล่นนอกเกมใส่ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ นักเตะทีมอาเจนติน่า และทำให้เขาโดนใบแดง ซึ่งเกมนั่น จบลงด้วยการที่ทีมชาติอังกฤษเสมอในเวลาก่อนจะไปแพ้ในการยิงติดสินจุดโทษ ทำให้สื่อมวลชนอังกฤษ โจมตีว่าเป็นความผิดของเบ็คแฮม ที่ทำให้ทีมชาติต้องตกรอบ นับเป็นช่วงเวลาที่ลำบากของเขาเลยทีเดียว

กองกลางเท้าชั่งทอง

แต่ทว่าใน เบ็คแฮม ก็ลบฝันร้ายในฟุตบอลโลกได้สำเร็จ ในฤดูกาล 1998-1999 เขาพาสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศสักดา ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติกาล ด้วยการคว้า ทริปเปิ้ลแชมป์ ซึ่งพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ในรายการสำคัญได้ทั้ง 3 รายการ คือ พรีเมียร์ลีก,เอฟเอคัพ และ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก โดยที่ เบ็คแฮม มีส่วนร่วมอย่างมากในการทำประตูในนัดสำคัญ และผลงานอันโดดเด่นในปีนั้น กลายเป็นสิ่งที่แฟนบอลให้อภัยในความผิดพลาดในฟุตบอลโลกครั้งก่อน

จุดเปลี่ยนชีวิต ‘เดวิด เบ็คแฮม’

กองกลางเท้าชั่งทอง

จุดเปลี่ยน เบ็คแฮม เริ่มมีปัญหากับผู้จัดการทีมอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งตอนนั้น เขากำลังคบหาดูใจกับภรรยาคนปัจจุบัน วิคตอเรีย ซึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ มองชีวิตส่วนตัวของเขา ส่งผลให้เขามีพฤติกรรมแย่ ๆ นอกสนาม และไม่มีสมาธิในการเล่นฟุตบอล นั่นจึงกลายเป็นรอยร้าวของเขาและ ผู้จัดการทีม จนมาถึงจุดแตกหัก

ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ปี 2003 หลังการแข่งขันเกมที่พ่ายแพ้ให้กับอาเซน่อล เรื่องราวเกิดขึ้นในห้องแต่งตัว เฟอร์กูสัน ได้เตะรองเท้าสตั๊ดไปโดน คิ้วของ เบ็คแฮม จนได้รับบาดเจ็บคิ้วแตก หลังจบฤดูกาลเขาก็ได้ตัดสิ้นใจย้ายทีม และจบตำนานดาวเตะหมายเลข 7 ของปีศาจแดง ในที่สุด เขาลงสนามให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปทั้งหมด 394 นัด และทำไป 85 ประตู

กองกลางเท้าชั่งทอง

ต่อมา เบ็คแฮม ได้ย้ายเขาสู่โอบอกของทีม ราชันชุดขาว ด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร พร้อมกับเซ็นสัญญา 4 ปี และสวมเสื้อหมายเลข 23 ท่ามกลางนักเตะดาวดังมากมาย เขาเริ่มต้นฤดูกาลแรกได้ค่อนข้างดี แต่ เรอัล มาดริด ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ใด ๆ มาติดมือได้ เมื่อจบฤดูกาล เขาก็ได้ตกเป็นข่าวฉาวอีกครั้งกับนางแบบชาวออสเตรเลีย ซึ่งเขาก็ได้ออกมาปฎิเสธเกี่ยวกับข่าวเหล่านี้ทั้งหมด

จอมทัพหมายเลข7

ปี 2004 ในศึกยูโร ที่โปรตุเกส อังกฤษผ่านเข้ารอบ 8 ทีมได้สำเร็จ เข้าไปเจอเจ้าภาพโปรตุเกส เกมสู้กันได้อย่างสนุกสูสี ก่อนจะจบด้วยการพ่ายแพ้จุดโทษ โดย เบ็คแฮมไปคนสังหารจุดโทษพลาด จนทำให้อังกฤษตกรอบไปในที่สุด ต่อมาในปี 2006 หลังจบฟุตบอลโลก เบ็คแฮมจึงตัดสินใจอำลาทีมชาติ ด้วยการฝากผลงาน ลงเล่น 115 นัด และทำไป 17 ประตู

จอมทัพหมายเลข7

จากนั้นเมื่อหมดสัญญากับ รีล มาดริด เขาก็ได้ไปเล่นให้กับทีม แอลเอ กาแลกซี และถูกยืมตัวในบางฤดูกาลเพื่อไปเล่นให้กับ เอซี มิลาน และสุดท้าย ชีวิตนักเตะของเขาได้จบลงที่ทีม ปารีสแซ็งต์ แชร์กแมง เมื่อเขาได้ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการในวัย 38 ปี แต่แม้ว่าเขาจะอำลาจากนักฟุตบอลอาชีพแล้ว แต่ความโด่งดังของเขาไม่ได้ลงลงไปเลยสักนิด

เบ็คแฮม ยังคงวนเวียนอยู่ในหลากหลายวงการ เขาทำแบรนด์เสื้อผ้า และในปัจจุบัน เขาก็มีโครงการทำสโมสรฟุตบอลของตนเอง นอกจากนี้ เบ็คแฮม ยังได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็น นายทหารแห่งจักรวรรดิบริเตน (Officer of the Order of the British Empire) จาก ควีน อลิซาเบธ ที่ 2 อีกด้วย

จอมทัพหมายเลข7

ปัจจุบัน เดวิด เบ็คแฮม กับ วิคตอเรีย เบ็คแฮม มีลูกชายด้วยกัน 3 คน และลูกสาว 1 คน และเขายังสานฝันตัวเองด้วยการเป็น เจ้าของทีมฟุตบอล อินเตอร์ ไมอามี่ ในเมเจอร์ ลีก อีกด้วย

ประวัตินักกีฬา

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่สามารถปฎิเสธได้เลยว่าเขาคือไอดอลของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะแฟนบอลแมนยูฯ ยุค 90 หรือแฟนบอลทั่วโลกที่ชื่นชมในตัวเขา ด้วยลูกครอสอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ยากจะหาใครมาเทียบ ฟรีคิกที่เฉียบคม ทำให้เค้าคือความภูมิใจ ของเหล่า เร้ด อาร์มี่ ทั่วโลก และชาวอังกฤษ อย่างแท้จริง

เดวิด เบ็คแฮม ‘’กองกลางเท้าชั่งทอง’’

 

ติดตามข่าวกีฬา :: ข่าวกีฬาออนไลน์

Facebook Fanpage ::  extremesoccer89